ขอต้อนรับครูคนใหม่ทุกๆท่าน

โรงเรียนเทศบาล1 สุขวิทยากร ตั้งตรงจิตร15 (ยโสธร) สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่สามของการเปิดเรียนค่ะ คำถามที่อาจารย์ถามว่า อยู่ได้ไหม มันใช่เธอมั้ย หนูก็ยังคงยืนยันและตอบว่าหนูสามารถอยู่ได้และยังรักในอาชีพนี้ค่ะ ครูในสายชั้นก็น่ารักดีค่ะ ไม่มีปัญหาอะไร ได้ช่วยครูในสายชั้นจัดบอร์ด ตกแต่งห้อง เพราะเนื่องจากประถมปลาย (ESM) พึ่งมีในปีการศึกษานี้ค่ะ เด็กใหม่ ห้องใหม่ เด็กพิเศษ (ESM) จะมีทั้งเด็กที่สอบเข้าและเด็กทีไม่ได้สอบเข้า จึงมีทั้งเด็กที่ได้และไม่ได้ แต่สิ่งใหม่สำหรับเด็กชั้น ป.5 ที่หนูรับผิดชอบคือการใช้ภาษาอังกฤษในชั่วโมงเรียน การทำการสอนก็พยายามเต็มความสามารถค่ะ เตรียมการสอน ซื้ออุปกรณ์ทำสื่อให้เด็ก ส่วนเด็กชั้น ป.1 หนูยังไม่สามรถควบคุมหรือจัดการเขาได้ทั้งหมดค่ะ เนื่องจากเขายังเด็กอยู่และบางครั้งเราไม่สามารถบังคับเขาให้เรียนเหมือนผู้ใหญ่ได้ หนูจะพยายามต่อไปค่ะ ความรักความเอ็นดูต่อเด็กหนูมีเกินร้อยค่ะหนูจะพยายามสอนให้ดีขึ้นค่ะ จะพยายามพัฒนาตัวเองค่ะอาจารย์ การทำงานระหว่างผู้บริหารครูพี่เลี้ยงและนิสิตฝึกประสบการณ์ ถือว่าเป็นไปตามที่ศูย์ฝึกแจ้งไว้ค่ะ คือ ตั้งแต่การตรวจแผน เริ่มจากครูพี่เลี้ยงตรวจ แก้ไข รองฝ่ายวิชาการคอมเมนต์ให้ ครูพี่เลี้ยงเข้าดูเราทุกคาบค่ะ บางครั้งมี2คน ผอ.เดินดูเดินตรวจเป็นระยะๆค่ะ มีการเขียนบันทึกสรุปแต่ละแผนทุกวันศุกร์ค่ะ งานอื่นนอกจากงานสอนก็คือการขายน้ำ เวรวันจันทร์สลับกับนักศึกษาฝึกสอนจากราชภัฏร้อยเอ็ดและครูอัตราจ้าง หน้าที่รับผิดชอบอื่นก็จะมีเวรยืนหน้าประตู และเมื่อไม่กี่วันมานี้ ผอ.ได้มาถามถึงเรื่องการสอนพิเศษให้เด็กที่เรียนช้า หรือไม่ทันเพื่อน (เรื่องนี้พวกหนูยังไม่แน่ใจว่าจะได้สอนอะไรยังไงบ้าง ผอ.เพียงถามเบื้องต้นว่าพวกหนูจะสอนให้ได้มั้ย) พวกหนูเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ต่อเด็กนักเรียนจึงรับปาก ผอ.ไว้ค่ะ การสอนพิเศษที่ว่านี้ไม่ได้รับเงินหรืออะไรค่ะ และอีกอย่างที่ชอบมากๆของโรงเรียนนนี้คือ เด็กๆโรงเรียนนนี้ร้องเพลงตอนเช้าเพราะมากค่ะ ร้องเพลงพระราชนิพนธ์ ได้ฟังทุกเช้า หนูรู้สึกว่าหนูมีกำลังใจจากเสียงร้องเพลงของเด็กค่ะ  ^   ^

หนูแยมนะคะ ฝึกสอนที่ โกสุมวิทยาสรรค์ค่ะ เปิดเรียนได้ 3 สัปดาห์เเล้วค่ะ ช่วงก่อนเปิดเรียนก็ไปช่วยสอนปรับพื้นฐาน 2 วัน เข้าค่ายธรรมะ 2วัน โดยภาพรวมของโรงเรียนเด็กค่อนข้างขาดระเบียบวินัย เติด ร มส ศุนย์ เยอะมากๆค่ะ สำหรับตารางสอนของเเยมยังไม่ลงตัวค่ะ คือครูพี่เลี้ยงไปอบรม 3 สัปดาห์ หนูเลยต้องสอนแทนทั้งหมด 1 สัปดาห์ สอน 18 คาบ ห้องที่สอนเป็นเป็นระดับชั้น ม.5 รายวิชาเพิ่มเติม ห้องสายศิลป์ 3 ห้อง ห้องวิทย์ คณิต 2 ห้อง การเรียนการสอนค่อนข้างดำเนินไปได้ช้าหรับห้องสายศิลป์ มีเด็กที่อ่านไม่ออก อ่านไม่คล่อง เยอะเกินกว่าสามส่วนสี่ค่ะ เเต่พยายามพาอ่าน พาสะกด ให้มาสอบอ่านนอกเวลา เเละบางคนเขาไม่ได้เขาก็ไม่สนใจเลยก็มี เเต่เมื่อเอาเกมส์ หรือให้เขาทำกิจกรรมที่เเข่งขันเขาจะชอบ ส่วนกิจกรรมเสริมช่วยงาน รร เมื่อสัปดาห์ที่เเล้ว รร เข้าร่วมงานบุญบั้งไฟ เเล้วให้นิสิตฝึกสอนทุกคนรำ โรงเรียนงดการเรียนการสอนครึ่งวันในวันงาน ก็เลยต้องสั่งการบ้าน ให้เด็กศึกษาเนื้อหาที่เรียนมาก่อนพร้อมบันทึกการอ่าน การช่วยงานฝ่ายต่างๆ จะเวียนไปทุกๆสัปดาห์ 1 สัปดาห์จะได้ช่วยงานประมาณ 4 ชมค่ะ ส่วนครูที่โรงเรียน เพื่อนร่วมงานก็หลากหลายมากค่ะ ปะปนกัน

สวัสดีค่ะอาจารย์ คิดถึงอาจารย์และคิดถึงเพื่อนๆมากค่ะ หนูอยากพูดถึงหลายเรื่องมากๆ
1.เพื่อนนิสิต
- มีนิสิตฝึกสอนมาฝึกด้วยกัน 37 คน ทั้งวิทยาลัยพละ ราชภัฎมหาสารคาม กาฬสินธ์ สุรินทร์ การทำงานร่วมกับคนอื่นเหมือนเป็นเรื่องยากสำหรับหนู ตอนนี้หนูรับผิดชอบเป็นหัวหน้านิสิตฝึกสอน การมอบหมายงานเป็นเรื่องยากมาก มอบหมายงานให้ทำก็ทำงานช้าและทำออกมาไม่ดี หนูก็เลยเอามาทำเองซะเลย บางงานเขาไม่เปิดใจที่จะทำอะไรยากๆ ไม่รับฟัง บ่นว่ายุ่งยากแล้วเดินหนี (หนหวยอยากด่าแต่กลัวสถานการณ์เลวร้ายไปมากกว่าเดิม) ตอนนี้ก็พยายามใจเย็น และใช้ปิยวาจาให้มากขึ้น อะไรทำได้จะทำเองทั้งหมด บางครั้งต้องขอความคิดเห็นจากเพื่อนแต่ก็ก็ไม่มีใครตอบเลย หนักใจมากค่ะ แต่เพื่อนนิสิตที่หมวดที่มาจากกาฬสินธ์เข้ากันได้ดีค่ะ ถึงเขาจะทำงานช้า แต่เขาก็พยายามและพร้อมที่จะเปิดใจต่องานยากๆ
2. ช่วยงาน 4 ฝ่าย และกิจกรรรมโรงเรียน
- สัปดาห์ก่อนนิสิตฝึกสอนทั้งหมดได้รับหน้าที่รำในงานบุญบั้งไฟค่ะ ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีค่ะ แต่ทั้งนี้ควรเป็นนักเรียนมารำมากกว่า งาน/กิจกรรมต่อไปที่โรงเรียนร่วมกับชุมชน คือ งานลอยกระทง กับงานแห่เทียนพรรษา นิสิตจึงมีหน้าที่ควบคุมนักเรียนในการซ้อมรำแทนค่ะ
- ช่วยงาน 4 ฝ่าย วันปฐมนิเทศนิสิต รองวิชาการที่รรได้ย้ำเรื่องนี้มาก อยากให้นิสิตไปช่วยงาน ตอนนี้หนูได้แบ่งเวรเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่ามันเกิน 2 ชม. มหาลัยอื่นเขาไม่ได้กำหนดมาเหมือนเรา แต่หนูก็พยายามแบ่งให้ได้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ ตอนนี้อยู่ในช่วงทดลองงาน รอฟังfeedback จากครูที่รรค่ะ และพยายามที่จะช่วยงานเท่าที่จำเป็น และทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ในอนาคตที่สุด แต่เขาก็มีอะไรให้ไปทำทุกวันเลยค่ะ พยายามหลีกเลี่ยงงานไร้สาระ อันไหนไม่จำเป็นก็จะไม่ทำ
3. สภาพแวดล้อม รร
-เด็กไม่มีระเบียบวินัยมากค่ะ ทั้งความสะอาด(ไม่ทิ้งลงถัง) การแต่งกาย (เสื้อลอยชาย) พวกหนูพยายามบอกทุกวัน บางครั้งเด็กก็ทำท่าไม่พอใจ อยากจะทำโครงการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้มากค่ะ เห็นแล้วหนหวยอีหลีค่ะ
-ในห้องเรียนไม่มีอุปกรณ์ทำความสะอาด และถังขยะ ห้องเปิดเทอมใหม่ๆเรียนไม่ได้เลย สกปรกมาก ให้ครูพี่เลี้ยงตามเรื่องให้ แต่ก็ไร้ซึ่งวี่แวว และห้องก็ร้อนมากค่ะ ตอนนี้ได้แต่ให้เด็กห้องที่ตัวเองสอนทำความสะอาดห้องไปก่อนค่ะ
4. สื่อในห้องเรียน
- สื่อไม่พร้อมใช้เลยมีค่ะ ห้องที่หนูสอนมีโปนเจคเตอร์พังกับลำโพงพัง ตอนนี้แจ้งหัวหน้าหมวดไปซ่อมแล้ว ได้มาแค่แค่ลำโพงค่ะ สื่อที่เป็นรูปภาพก็เลยได้ปริ๊นใส่กระดาษไปสอนแทน บางครั้งก็โชคดีมีห้องว่างที่สื่อพร้อมใช้ ก็เข้าไปสอนได้
5. นักเรียน
- พยายามใช้ L2 ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ครูก็ปรับเด็กก็ปรับ นักเรียนส่วนใหญ่ตั้งใจเรียนดีค่ะ พยายามใช้อะไรที่สนุกๆไว้ก่อน หลอกล่อให้เขาชอบ หนูเพิ่งได้สอนเป็นอาทิตย์แรกอยู่ในช่วงทำความรู้จักเด็กค่ะ
6. ครู
- ครูที่หมวดดีมากๆค่ะ ครูพี่เลี้ยงทั้งของหนู แยม และดรอมด้วย พยายามมากที่จะช่วยให้การฝึกเป็นไปตามคู่มือที่มหาลัยกำหนดค่ะ ถามตลอดว่ามีปัญหาอะไร ช่วยตลอดในทุกด้าน ครูในหมวดส่วนใหญ่ดีค่ะ แต่ครูข้างนอกคือใช้ตลอดเวลา ใช้ไปเอาของ ใช้ชงกาแฟ ตอนนี้หนูก็พยายามทำตัวยุ่งแบบที่อาจารย์บอกเลยค่ะ ทำวิจัย ทำแผน ตรวจการบ้าน ทำอยู่ตลอดเวลาไม่ให้ว่างเลย ครูที่หมวดเลยไม่มีใครใช้เลยค่ะ ส่วนใหญ่ครูและผู้บริหารบางท่านยังมีทัศนคติที่ไม่ดีอยู่ค่ะ พยามทำความเข้าใจและปรับตัวค่ะ
7.อื่นๆ
-ตอนนี้กำลังทำแผนรายเทอมค่ะ ทางรรก็อยากให้เพิ่มคุณลักษณะอันพึงประสงค์ และอื่นๆ ก็กำลังเรียนรู้จากครูพี่เลี้ยงค่ะ

สำหรับที่โรงเรียนสตรีศึกษามีการเรียนการสอนเป็นเวลา 3 สัปดาห์แล้ว สัปดาห์ที่เปิดเทอมก็ได้ทำการสอนเลย เพราะมีตารางสอนของตัวเองเป็นที่แน่นอน ได้รับผิดชอบสอน ม. 4 จำนวน 4 ห้องเรียน และมีกิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ที่รับผิดชอบในระดับชั้น ม. 2
สำหรับการเรียนการสอน หนูก็มีการเตรียมการสอนเหมือนที่ได้ฝึกหัดมา ดีใจที่เด็กให้การตอบรับดี เพราะเสียงสะ้อนจากเด็กๆ เขาบอกว่า เขาชอบวิธีการสอนแบบที่มีการใช้พาวเวอพอท์ขึ้นจอโปรเจคเตอร์ ทำให้เขาเข้าใจง่ายมากกว่า และก็ชอบกิจกรรมที่เราเตรียมไว้ให้ แต่ก็มีอีกบางส่วนที่เขาไม่ให้ความร่วมมือ หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เราสอน ซึ่งก็เปนความบกพร่องของเราเองด้วยที่ยังไม่เข้าถึงเด็กในห้องเกือบทุกคน ก็ได้เรียนรู้การเข้าถึงเด็ก การใส่ใจเด็ก การใช้ภาษาในห้องเรียนตอนแรกเด็กนักเรียนก็งงและไม่เข้าใจ บางคนก็เบื่อๆ ไปเลย แต่เราก็พยายามใช้ตลอด ใช้ให้มากที่สุด ก็ให้เหตุผลกับเขาว่านี่คือวิชาภาษาอังกฤษ ครูจะทำให้พวกหนูเข้าใจให้ได้ แต่ก็ไม่ทำให้บรรยากาศในห้องเรียนตึงเครียด ก็จะมีเกมส์และกิจกรรมที่นำมาใช้กระตุ้นเขา และใช้ภาษาในส่วนนี้ เด็กๆ เขาก้ซึมซับในสิ่งที่เราพูด เวลาสอนเขาก็สามารถเข้าใจคำบางคำได้มากขึ้น เรื่องการกวาดสายตามองเด็กทุกคนตอนยืนหน้าห้องเรียน ตอนช่วงแรกก็ยังทำไม่ได้ ตอนนี้ก็ยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร แต่ก็ใช้วิธีการเดินเข้าหาเด็กทุกคน เวลาสอนเราจะไม่นั่งแต่จะเดินดูเด็กให้ทั่วถึง ในสามสัปดาห์แรกนี้ก็รู้สึกมีความสุข เด็กนักเรียนคือสิ่งที่ทำให้เราอยากตื่นเช้าไปโรงเรียนในทุกๆวัน เพราะเวลาเรามองเขาเรายิ่งมีแรงผลักดันว่า นักเรียนของเราทุกคนเขาต้องได้ความรู้ ทุกคนต้องเข้าใจในบทเรียนที่เราสอน

โรงเรียนผดุงนารีเปิดมา 4 สัปดาห์แล้วครับ แต่ได้ทำการปฏิบัติการสอนจริง 3 สัปดาห์ เนื่องมาจากสัปดาห์แรกมีทั้งประชุมครู อบรมครู และวันหยุด โดยได้รับผิดชอบห้อง ม.2/7 2/8 และ 2/14 โดยถึงตอนนี้ลงแผนไปได้แผนเดียว เนื่องมาจากระดับความสามารถของนักเรียน บางคนยังไม่สามารถท่อง A-Z ได้ ไม่รู้จักว่า Noun คืออะไร และยังอ่านออกเสียงไม่ได้ เลยเริ่มตั้งแต่การสอนออกเสียง เทียบเสียงใหม่ สอนคำศัพท์ง่ายๆที่มีรูปแบบซ้ำไปซ้ำมา เช่น can fan van cat bat rat ยอมรับว่าเครียดมากสำหรับการปูพื้นใหม่ เครียดทั้งการนิเทศ ถ่ายวีดีโอ แต่เอาไว้ก่อน เป้าหมายตอนนี้มีแค่อย่างเดียวคือให้นักเรียนอ่านออกเสียงได้ ยังไม่ได้สนใจหนังสือ การสอบใดๆทั้งสิ้น เพราะถึงสอนแบบยัดไป สอนแบบขอไปที นักเรียนก้คงไม่ได้อะไร พยายามหากิจกรรมสนุกๆให้ทำโดยลงกิจกรรม color-coded grammar cards ไป hot seating repetition drill

ตอนนี้ได้เป็นครูสอนชั้น ม.2 และประจำชั้น ม.5/10 งานราษฎร์งานหลวงก็มีเข้ามาบ้างประปรายพอเป็นสีสัน แต่ยังไม่ได้รับผิดชอบหน้าที่ในแต่ละฝ่ายของโรงเรียน ส่วนสอนแทนก็มีมาให้เห็นเรื่อยๆ ทั้งสอนแทนครูประจำการ และสอนแทนคาบชาวต่างชาติที่ยังไม่ได้จัดจ้าง เคยเจอเด็กหลายๆรูปแบบมากครับ ตั้งแต่เก่งมากๆ มีปฏิสัมพันธ์ตลอด ใช้ L2 ได้เกือบ 100% กับนักเรียนที่ยังไม่ได้อะไรเลย ทำให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้วว่า ทำไมการศึกษาไทยมันถึงล้มเหลว เคยคิดว่ามันจะเลวร้ายสักแค่ไหนเชียว แต่พอเจอของจริง เละ ก็คิดนะ ว่าเรียนภาษาอังกฤษมาเกือบ 10 ปี นักเรียนทำไมยังท่อง A-Z ไม่ได้ มันสะท้อนครูว่าบกพร่องต่อหน้าที่แค่ไหน แล้วถ้าเราเป็นครู เราจะไม่เป็นครูแบบนั้น

เข้ามาโรงเรียนนี้ เกิดอาการ culture shock เนื่องมาจากวัฒนธรรมองค์กรที่แตกต่าง แปลกมากๆที่โรงเรียนนี้ไม่ฝึกการรับผิดชอบตัวเอง จานข้าวที่กินนักเรียนกินแล้ว แม่ค้าต้องมาเป็นทาสเก็บให้ ขยะกินแล้วก็กองไว้ ถือเป็นวัฒนธรรมที่แย่มาก ถ้าเด็กไม่เริ่มจากการรับผิดชอบตัวเอง แล้วจะไปทำมาหากินอะไร ครูไม่บอกไม่สอนเหรอ คนข้างนอกเขาจะว่า พยายามจะเปลี่ยนในจุดนี้ อีกอย่างคือโรงเรียนนี้ปล่อยปละละเลยนักเรียน ไม่ติดตามนักเรียน นักเรียนอยากนั่งไหนก็ได้ ทั้งๆที่เป็นเวลาเรียน อาจจะเพราะว่านักเรียนเยอะ แต่ถึงนักเรียนเยอะ ก็น่าจะควบคุมได้ ถ้าระบบเข้มแข็งพอ อีกอย่างที่ไม่เห็นด้วยคือ การที่ครูบอกนักเรียนให้ถอดรองเท้า ติดป้ายไว้ทั่วตึก แต่ตัวครูๆทั้งหลายเองนั้น ใส่รองเท้าขึ้นตึก!!! อ้าววว แล้วจะบอกนักเรียนได้อย่างไร ไม่อายบ้างเหรอ อีกทั้งถ้าเด็กถอดรองเท้าตั้งแต่ด้านล่าง แล้วสิ่งที่จะเปื้อนแทนก็คือถุงเท้า เหยียบขึ้นมาอาคารเรียนเหมือนเดิม สกปรกเหมือนเดิม แล้วถุงเท้ายังต้องใส่เข้าไปในห้อง เอ้า ห้องเลอะ พอใส่เข้าไปในรองเท้า เอ้า รองเท้าก็เลอะอีก เหม็นตีนแฮง มันไม่สมเหตุสมผล

ตอนนี้คิดอยู่ตลอดว่า เอานักเรียนเยอะๆมาทำไม เหมือนรับเข้ามา เอาเขามาจากพ่อแม่แล้วทิ้งเขาไว้ ไม่เคยจะสนใจ สนใจแค่เงินค่าหัวแค่นั้นเอง แต่คุณภาพ แย่!!! เรียกอารมณ์นี้ว่า "เหลือใจกับโรงเรียน และสงสารเด็ก"

สำหรับเพื่อนร่วมงาน ได้ร่วมงานกับเพื่อนจาก มรม 3 คน เข้ากันได้ดีมากๆ อยู่ห้องด้วยกัน ไปไหนไปกัน อยู่ทำงานโรงเรียนค่ำๆก็อยู่ด้วยกัน ส่วนครูที่ร่วมงานก็ดีครับ
สำหรับ L2 ใช้ได้แค่ CL ง่ายๆ พยายามสอนไปเรื่อยๆ เน้น keyword ที่จะทำให้นักเรียนเข้าใจได้

ครีมได้ทำการสอนมาเกือบจะสองสัปดาห์เเล้วค่ะ ตอนนี้ enjoy teaching มากกกก ทุกครั้งที่เข้าสอนเเล้วเด็กๆ สนุก หรือมีการตอบสนองกับเรามากๆ ก็จะมีความสุขไปทั้งวัน กลับกันถ้าหากเด็กดูเบื่อ เราก็ต้องกลับมาคิดเเล้วเพิ่มเติมลีลาเข้าไป เพื่อพัฒนาการสอนของเราต่อไป แต่เป็นเพราะครีมสอนม.4 ห้าห้อง ซึ่งแต่ละห้องมีธรรมชาติที่แตกต่างกัน กิจกรรมเดียวกันเเต่ผลลัพธ์ที่ออกมาจะแตกต่างกันมาก สิ่งที่ครีมรู้สึกคือการหากิจกรรมสนุกๆ และออกแบบลีลาให้น่าเล่นนั้นสำคัญมาก เมื่อเด็กรู้สึกว่าเราทุ่มเทเขาก็จะอยากร่วมกิจกรรมมากขึ้น บางห้องมีปัญหาที่เด็กบางคนชอบเรียกร้องความสนใจจนทำให้การเรียนการสอนไม่สนุก วันแรกที่สอนครีมท้อเลยค่ะ ไปปรึกษาอาจารย์ที่เคยสอนเด็กคนนี้แต่เขาก็บอกว่าไม่ต้องไปสนใจ แต่ครีมคงทำแบบนั้นไม่ได้ สัปดาห์นี้ครีมได้สอนเขาอีกรอบจึงรู้ว่าจริงๆ แล้วเขาแค่ต้องการให้เราให้ความสำคัญกับเขา รู้ว่าเขามีตัวตนก็พอแล้ว เจอเขานอกห้องเรียนก็ทักทาย เจอในห้องเรียนก็เรียกให้เขาตอบคำถามบ้าง ตอนนี้ครีมก็รู้สึกดีต่อการสอนเขาเเล้ว เขาดูโวยวายน้อยลงเเล้วก็เริ่มสนใจเนื้อหาอย่างจริงจัง ไม่ใช่เเค่นั่งพูดเสียงดังก่อกวนเพื่อนๆ เเล้ว ครีมคิดว่าเขาคงจะรู้สึกว่าเราจดจำเขาได้ในห้องเรียนเเล้วเขาก็อยากจะให้เรารู้สึกดีที่ได้เห็นเขาตั้งใจ นอกจากนั้นก็ยังมีเด็กบางส่วนที่โดดเรียน วันนี้เป็นวันแรกที่เข้ามาในห้องเเล้วเด็กหายไปสองคน ก็รู้สึกใจหาย เเล้วกลับมาคิดดีๆ ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เขาโดดในคาบของเรา ถึงแม้ว่าเพื่อนๆของเขาจะบอกว่าเขาโดดทุกวิชาเเต่ครีมคิดว่าตัวเองต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อดึงเขากลับมา ซึ่งตอนนี้อยู่ในการบันทึกธรรมชาติการเรียนรู้ของแต่ละห้องอยู่ค่ะ ยังคงต้องการหาข้อผิดพลาดของตัวเองเเละปรับไปเรื่อยๆ ค่ะ

สัปดาห์ที่ 3 ของการเปิดภาคเรียนของโรงเรียนสารคามพิทยาคมค่ะ จากการประเมินการสอนที่ผ่านมาทั้ง 3 สัปดาห์ ยังไม่ค่อยพอใจในผลงานตัวเองเท่าไหร่ค่ะ อยากมีหลายอย่างที่ต้องปรับอีกเยอะ แผนที่ดิฉันทำไปไม่สามารถใช้ได้กับทุกห้อง ดังนั้นจึงต้องมีการปรับกิจกรรมนิดหน่อยเพื่อให้สอดคล้องกับนักเรียนแต่ละห้อง ถือว่าต้องพยายามมากขึ้นอีก หลังจากที่สอนมา 3 สัปดาห์ เด็กเริ่มเข้าใจคำสั่งภาษาอังกฤษที่เราพูดมากขึ้น แม้อาจจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นแต่พวกเขาก็พยายามทำความเข้าใจค่ะ ดิฉันยังมีอะไรที่ต้องปรับอีกเยอะ ก็จะพยายามต่อไปค่ะ

ปล. หนังสือ 200 กิจกรรม เพื่อนที่มาฝึกด้วยกันบอกดีมาก มีประโยชน์ จนเขาต้องไปสั่งซื้อเลยค่ะ

สวัสดีค่ะอาจารย์หนูสอนในระดับชั้น ม.3 โรงเรียนสตรีศึกษาค่ะ โดยบางห้องยังไม่คุ้นชินกับการสอนที่ใช้ L2 100% มากเท่าที่ควร โดยรวมแล้วแผนการสอนต้องมีการปรับให้เข้ากับบริบทของนักเรียน ส่วนการสอนของหนูก็มีสิ่งที่ต้องปรับปรุง แต่หนูจะทำให้นักเรียนสนุกสนานกับการเรียนโดยใช้L2 ให้ได้ค่ะ สำหรับการสอนหนูได้นำเทคโนโลยีมาใช้ในห้องเรียน โดยได้หาสิ่งแปลกใหม่ที่นักเรียนไม่เคยเล่น เช่น การแสกนบาร์โค้ด ทำให้ดึงดูดความสนใจนักเรียนได้มากพอควรค่ะ

หนูน่าน สอนโรงเรียนอนุบาลมหาสารคาม หนูสอนชั้น ป.2   เปิดเทอมได้ 3 สัปดาห์แล้ว ซึ่งสัปดาห์แรกยังไม่ลงตัวในเรื่องของตารางเรียน หนูต้องเข้ากับครูพี่เลี้ยงทุกคาบ ส่วนสัปดาห์ที่สองครูพี่เลี้ยงจึงแบ่งคาบสอนให้ สัปดาห์แแรกที่เจอเด็กหนูเน้นให้นักเรียนรู้จักตัวพยัญชนะในภาษาอังกฤษ เพราะมีเด็กส่วนมากที่ยังไม่ได้ A-Z เลยต้องค่อยไปค่อยไป หลังจากนั้นก็พาเด็กสะกดคำศัพท์ง่าย ๆ เน้นในเรื่องของการอ่านออก พาเด็กอ่านช้า ๆ สะกดที่ละคำ ซึ่งในขณะที่สอนธรรมชาติของเด็กป.2 คือจะไม่สามารถนักเรียนได้นาน สำหรับเด็กโรงเรียนหนูได้มากสุด 30 นาที แล้วหลังจากนั้นเด็กจะไม่เรียน จึงต้องหาเพลง เกมส์ หรือการ์ตูนภาษาอังกฤษมาให้เด็กดู ก่อนหมดชั่วโมงเรียน 5 นาที จะพยายามต่อไปค่ะ จะพยายามให้ได้มากที่สุดค่ะ

อนุบาลกันทรวิชัยเริ่มทำงานตั้งแต่วันที่ 6-7 พฤษภาคมค่ะอาจารย์ ช่วยคณะครูในงานปฐมนิเทศน์และช่วยจัดหมวดหมู่หนังสือเพื่อเตรียมแจกให้เด็กๆในวันเปิดเทอม ในสัปดาแรกของวันเปิดเทอม ตารางยังไม่นิ่งเลยค่ะเลยสังเกตการสอนของคุณครูพี่เลี้ยงไปก่อน พอสัปดาห์ที่ 2- ปัจจุบัน (สัปดาห์ที่ 3) ได้ตารางสอนมาเป็นของตัวเองแล้วก็ต้องเข้าสอนเองเลยตามตารางสอนโดยมีคุณครูพี่เลี้ยงนั่งสังเกตข้างหลังค่ะ (บางวันมีครูประจำชั้นนั่งดูด้วย) แรกๆก็เกรงๆค่ะแต่ตอนนี้เริ่มชินขึ้นมานิดหน่อย ปัญหาที่พบคือเด็กยังอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้แต่มีความกล้าแสดงออกดีค่ะ นอกจากนั้นแล้วพวกหนูยังได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบกิจกรรมหน้าเสาธงทุกๆวันจันทร์ (นำเสนออะไรก็ได้ที่เป็นภาษาอังกฤษ) สัปดาห์ก่อนเป็นครั้งแรกที่พวกหนูเริ่มพาเด็กทำกิจกรรมโดยใช้เพลงและสอนคำษัพท์ในเพลงไปด้วย ผลตอบรับจากทั้งครูและนักเรียนดีมากค่ะ เดินไปไหนเด็กๆเริ่มอยากมาคุยด้วย พวกหนูพยายามพูดภาษาอังกฤษกับเขา เขาก็เริ่มอยากทักทายเป็นภาษาอังกฤษ อย่างน้อยพูดว่า good morning พวกหนูก็ชื่นใจแล้วค่ะ  ส่วนเรื่องที่เป็นปัญหามากที่สุดสำหรับหนูตอนนี้เลยคือการควบคุมห้องเรียน การจัดการชั้นเรียนค่ะ เอาเด็กไม่ค่อยอยู่เลย หนูจะพยายามต่อไปค่ะ

สัปดาห์แรกที่ได้สอนเองควบคุมเด็กไม่อยู่เลยค่ะอาจารย์ เด็กไม่กระตือรือร้น เดินไปเดินมาเสียงดัง หนูเลยลองคิดกฎที่ตกลงกับนักเรียนทุกห้องที่หนูสอนว่า ถ้านักเรียนคนใดตอบคำถามได้จะได้หัวใจจากหนู 1 ดวง (เป็นการสะสมหัวใจในสมุดของนักเรียนเอง) พอสิ้นเดือนหรือถึงเวลาที่กำหนดก็จะเอาหัวใจมานับว่าใครได้มากที่สุดก็อาจจะได้ของรางวัลเล็กๆน้อยๆเป็นการเสริมแรงค่ะ วิธีนี้ได้ผลในระดับหนึ่งค่ะ เด็กกระตือรือร้นมากขึ้น อยากตอบอยากทำตัวดีๆมากขึ้นเพื่อที่จะได้หัวใจค่ะ5555  ส่วนวิธีจัดการกับเด็กที่มีปัญหาของหนูคือ ถ้าใครไม่ตั้งใจฟัง ทำตัวไม่เหมาะสม หรือเดินเพ่นพ่านขณะที่ครูสอนจะให้จับสลากใน Punishment box (หนูอ่านเจอในเว็บนึงค่ะเกี่ยวกับการจับสลากลงโทษ) โดยสลากในกล่องจะมีบทลงโทษที่แตกต่างกันไป แต่หนูประยุกต์ให้ตรงกับวิชาภาษาอังกฤษที่สอนเช่น ให้คัด A-Z 5 รอบ (เด็กบางคนยังเขียน A-Z) ไม่ได้ ให้เขียนชื่อตัวเอง 5 รอบ เขียนแนะนำตัวเอง 5 รอบ อะไรประมาณนี้ค่ะ  ผลตอบรับก็ดีขึ้นระดับหนึ่งค่ะ ทำตัวดีขึ้นเพราะกลัวได้จับสลากในกล่อง Punishment Box 555  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นวิธีการที่หนูลองนำมาใช้มันก็อาจจะมีข้อดีข้อเสียต่างกัน  ต้องลองเอามาใช้แล้วจะทราบข้อดีข้อเสียเองค่ะ ตอนนี้อยู่ในขั้นทดลองใช้ 2 สัปดาห์แล้ว สามารถใช้ได้ดี พอใช้ไปอีกระยะเวลาหนึ่งแล้วผลเป็นอย่างไรจะรายงานให้ทราบอีกครั้งค่ะ

และอีกปัญหาที่พบคือครูท่านอื่นขอให้ไปสอนแทนค่ะ ประมาณว่าช่วยดูๆเด็กให้หน่อย หนักไปกว่านั้นคือครูที่สอนภาษาอังกฤษบางท่านไม่เข้าสอน (ไม่ค่อยเข้าสอนเลย) เด็กต้องมาเรียกหนูไปสอนแทนทั้งๆที่ไม่มีในตารางของหนู หนูปรึกษาคุณครูพี่เลี้ยงท่านก็บอกว่าไม่ต้องเข้าแทน เราก็เข้าสอนตามตารางของเรา

ดร้อม เจมส์ เธอไม่มีอะไรจะเล่าจริงหรือ มันใช่สิ่งที่เธอเลือกไหม ฉันเป็นห่วง
ฉันอ่านแล้วห็ปลื้มปิติที่พวกเธอ เริ่มซึมซับในอาชีพของตนเอง

สวัสดีครับอาจารย์ ผมดร๊อมครับ มารอบที่สองครับ รู้สึกตกใจครับที่เห็นอาจารย์มาตามผมกับเจมส์ ที่จริงแล้วผมพิมพ์ไปแล้วชุดใหญ่เลยครับ เล่าประสบการณ์ 3 สัปดาห์แรกให้อาจารย์อ่าน มีเรื่องเล่าเยอะมาก บุญบั้งไฟที่ผ่านมาได้เป็นผาแดงนำครับ 5555 มีพยานด้วยครับ แยม กับ น้ำตาล แต่ไม่เป็นอะไรครับ ผมจะพยายามพิมพ์เหมือนเดิมครับ คือที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ ผมจะโฟกัสที่การเรียนการสอนเด้อครับ ผมได้สอนม. 3 ครับ และหนังสือที่ใช้สอนก็คือ New World ตอนนี้สอนไปแล้ว 1 แผนครับ CLT Method กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง ผมยังจำวันแรกที่เข้าห้องเรียนได้ครับ ตอนนั้นตื่นเต้นมากๆ ทำตัวไม่ถูก ทุกสายตาจ้องมาที่ผม เหมือน peer teaching เลยครับ ผมกลัวเด็กกลัวผม และในขณะเดียวกันผมก็กลัวจะเล่นกับเด็กเกินไป ต้องระวังทุกคำพูดเลยครับ แต่หลังๆมาเริ่มดีขึ้นครับ เริ่มปรับตัวได้ ผมเรียนรู้ที่จะพูดให้ช้าลงด้วยครับ ทั้งไทยและภาษาอังกฤษ ส่วนเรื่องการใช้ภาษาในชั้นเรียน อาจารย์บ่ต้องเป็นห่วงเด้อครับ ถึงนักเรียนผมจะไม่ได้แต่ผมก็จะพยายามพูดและอธิบาย ยอมรับครับว่าช่วงแรกๆผมจะใช้ L1 บ้าง แต่ผมก็จะพยายามปรับหูและสไตล์การเรียนให้นักเรียนให้อย่างรวดเร็วครับ นักเรียนค่อยข้างพูดยากครับ ถ้าพูดตรงๆ เขาจะไม่ค่อยตั้งใจเรียน ด้วยสภาพแวดล้อมและแรงบันดาลใจที่เขามี บางคนมาโรงเรียนเพียงแค่ได้มา เหมือนหลายๆโรงเรียนครับ ห้องท้ายๆจะโดดเรียนเยอะ ตรงนี้ก็ได้เรียนรู้และได้คำแนะนำจากครูพี่เลี้ยงครับ ถือว่าโชคดีครับ ครูพี่เลี้ยงผมดีมากๆ active ตลอดเวลา นอกจากนี้ผมก็สอนให้นักเรียนได้พูดทักทายก่อนเรียนครับ ไม่ใช่แค่พูดตาม pattern ว่า I’m fine, thank you. And you? เท่านั้น แต่ผมได้ฝึกให้เด็กใช้คำที่หลากหลาย ไม่ใช่พูดแบบเทปยานๆ ตามๆกัน มันทำให้เด็กได้พูดกับผมจริงๆครับ ผมรู้สึกว่าการที่ผมได้มาเจอนักเรียนที่ไม่ใช่ว่าเก่งหรือหัวกะทิ มันเป็นสิ่งท้าทายและทำให้ผมภูมิใจครับ ว่าผมจะสอนรู้เรื่องไหม ดึงดูดความสนใจของนักเรียนหรือเปล่า

อาจารย์ครับ อีกอย่างที่ผมได้เรียนรู้คือการจัดการเวลา แบ่งชั่วโมงสำหรับรูปแบบแผนที่ได้เรียนมาครับ จากที่เคยทำแต่ใน peer teaching หรือ try-out แผนการสอน ก็ได้มาลงมือทำอย่างแท้จริง อาจจะเกิดปัญหาบ้างครับ แต่ผมก็กำลังปรับไปเรื่อยๆ ครูพี่เลี้ยงก็ช่วยครับ ทั้งในเรื่องของการให้คะแนน ทำ ปพ. ทำงานต่างๆ จนผมเริ่มสนุกกับการสอน และการสังเกตพัฒนาการการเรียนรู้ของนักเรียนของผม ผมว่าผมจะสอบบรรจุเลยครับหลังเรียนจบ อาจารย์ครับครูพี่เลี้ยงก็บอกผมครับว่าผมเหมือนอาจารย์มหาลัย อย่าเป๊ะหลายพะนะ ครูย่าน ฮ่าๆๆ

จนถึงตอนนี้ผมก็กำลังคิดอยู่ครับว่าเคยพิมพ์อะไรไปบ้าง ทุกอย่างมาจากความรู้สึกครับ ส่วนเรื่องเทคนิค วิธีการ ผมกับเพื่อนๆก็คุยและแชร์กันอยู่ครับ ผมเคยได้แชร์ใน Facebook ด้วยครับถึงการใช้เสียง เพราะเป็นคำแนะนำจากครูพี่เลี้ยงผมเอง ว่าอย่าตะโกน ควรใช้เสียงและโทนเสียงให้เป็น เพื่อไม่ให้ตัวเองเหนื่อยจนเกินไป เพราะวันหนึ่งเรามีสอนหลายคาบ ผมเลยปรับตัวทันครับ บอกน้ำตาลด้วย ฮ่าๆๆ นอกจากนี้ก็ต้องให้เวลาเด็กคิดด้วย เวลาถามนักเรียนแล้ว เพราะบางคนตอบได้ แต่อาจจะกำลังคิดหรือมัวแต่อายอยู่ ถ้าเด็กไม่ได้ เราก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป เพราะภาษาเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา แต่ด้วยกิจกรรม ผมก็กลัวว่าจะไม่เป็นไปตามโครงการสอน ผมได้เรียนรู้ Classroom Management จากครูพี่เลี้ยงเยอะมากครับ ครุขยันสอนด้วย เดี๋ยวถ้าผมมีอะไรมาเล่าอีก ผมจะมาอัปเดตนะครับ ผมสนุกกับการฝึกสอนอยู่ครับ :-)

เป็นครูเข้าสัปดาห์ที่ 3 แล้วค่ะ ถือว่าตัวเองโชคดีที่นักเรียนน่ารัก ตั้งใจ มาโรงเรียนมีเรื่องให้ชื่นใจเยอะแยะเลยค่ะ เลยอยากมาเมาท์ให้ฟัง วันแรกไปสอน แล้วอาจารย์ท่านนึงจำคาบผิด แกเลยได้นั่งดูเราสอนหน้าห้อง ตอนนั้นเป็นคาบ get to know each other ก่อนค่ะ เลยให้เด็ก pre-test grammar review ที่จะเรียนในเทอมที่ 1 ผ่าน Kahoot ค่ะ เด็กชอบมาก ไม่เคยเล่นมาก่อน กรี๊ดกร๊าดจนห้องข้าง ๆ ต้องเดินมาดู อ. ท่านนี้ไปเจอเราที่แถววันต่อมา เลยไปเมาท์ให้ อ. ประจำการ 2-3 ท่านที่นั่งอยู่ตรงนั้นฟังว่า 'พวกเจ้าต้องเอาตัวอย่างครูนิสิต เพิ่นสอนดี สอนม่วน เด็กน้อยห้อง 3/6 ขี้ดื้อ ๆ เลาเอาอยู่เหมิ้ด เด็กน้อยฮ้องแตกก๊าก ๆ อยู่' เห็น อ. หลายท่านบอกห้องนั้นห้องนี้เป็นอย่างงั้นอย่างงี้ พอเราเจอเองก็ไม่เป็นอย่างที่ท่านว่าเลยค่ะ หนูว่าหนูเอาอยู่ เด็กดื้อ เด็กหยาบก็เข้ากันได้ดี มีเด็กลองภูมิอยู่บ้างกรุบกริบ เพราะโรงเรียนนี้เด็กค่อยข้างกล้าคิด กล้าพูด บางทีก็ไม่ค่อยจะรู้จักความเท่าไหร่ พูดไม่เพราะ ไม่มีหางเสียง ไม่ไหว้ครู แบบผมจะเชื่ออาจารย์ได้ไง คำนั้นคำนี้แปลว่าอะไร เราเตรียมตัวดีก็ตอบได้หมด มีเวลาเลยเปิด blog ให้ดู เด็กตกใจทั้งกิจกรรมที่เราทำ ทั้งเกรดเฉลี่ยเรา หลังจากนั้นพูดอะไรเชื่อหมดเลยค่ะ ต้องขอบคุณ blog ที่สร้าง credibility ให้เราน่าเชื่อถือ ลำพังไปแต่ตัว อาจจะต้องพิสูจน์ความสามารถอยู่หลายวัน ฮ่า ๆ ๆ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ครูพี่เลี้ยงไปราชการ หนูได้สอน 6 คาบติด แบบไม่ได้พักเลยค่ะ พักแต่ตอนเที่ยง ครูพี่เลี้ยงก็ฝากให้สอนแกรมม่าตรงนั้นตรงนี้ หนูก็ปฏิบัติตามค่ะ แต่ก็ยังคงความสนุก เลยแอบให้เล่น Kahoot ด้วย เด็กชอบมาก บอกอยากเรียนกับเราอีก อิจฉาห้อง 2 4 6 ที่ได้เรียนกับเรา แต่ยอมรับจริง ๆ ว่า ทำการบ้านหนักมาก คือ คิดกิจกรรม เกม อยากให้เด็กได้สนุกทุกคาบ แต่ก็เอากลับมาคิดว่ายังไงเด็กก็ต้องได้ความรู้ด้วย คือตอนนี้ห้องคี่ ครูพี่เลี้ยงแกสอนเน้นแกรมม่าหนักมาก แกบอกจะใช้เวลาสอน tenses นี่ไปอีก 2-3 เดือน ยังไม่แตะหนังสือเรียนเลย หนูนี่ก็กลับมาคิดมาก กลัวเด็กตัวเองไม่ทันเขา ไม่เป้ะเท่าเขา หรือเราจะมีแต่สนุกนะ นี่ก็เอามาเป็นประเด็นคุยกับเพื่อน ๆ ในทีม เราก็จะทำตาม way ของเรานี่แหละ ค่อยเป็นค่อยไป วันนี้แวะมาแค่นี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวมีอะไรดี ๆ จะกลับมาแชร์อีกค่ะ so far so good แฮปปี้ ชีวิตดี อาหารอร่อย อ้วนท้วมสมบูรณ์ค่ะ

กุลธิดา

ทางกาญจนาภิเษก สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่4 ในส่วนของการสอนเริ่มจะเข้ารูปเข้ารอย เด็กคุ้นชินกับวิธีการสอนตามลำดับขั้นตอน
แต่ยังฟังไม่ค่อยเข้าใจ

ในส่วนของ ม.5 อาจเป็นเพราะใช้เสียงเจ้าของภาษาจากtext เลยยังตื่นๆงงๆ แต่ก็พยายามให้ฟังหลายๆครั้ง
เรื่องของแกมมม่านั้น ต้องลงพื้นฐานใหม่หมด แม้จะเป็นเรื่อง present simple tense เด็กบางคนก็ยังไม่สามารตอบได้

ในส่วนของ ม.2 พยายามให้เล่นเกมส์เพื่อกระตุ้นการเรียนรู้คำศัทพ์ในช่วง 3 สับดาห์แรก ตอนนี้เริ่มเข้าใจ instruction ต่างๆแล้ว

และสุดท้าย ในส่วนของ ม.1 หนูได้รับผิดชอบในการสอนวิชาเพิ่มเติมฟังและพูด ตอนนี้พยายามหาเพลง หาการ์ตูน เกมมาให้เล่น ก็ถือว่า ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร แต่จะพัฒนาต่อไปค่ะ

ขอโทษดร้อมด้วยนะ หาไม่เจอ นี่แหละอายุมากเขาให้เกษียณ

เพิ่มเติมจากน้ำตาล
- ครูที่นี่ค่อนข้างตื่นตาตื่นใจกับวิธีการสอนที่พวกเราสอนค่ะ ไปสั่งซื้อหนังสือ 200 กิจกรรมและเล่มอื่นๆที่อาจารย์เขียนด้วย เขาตื่นเต้นกับการสอนที่มี power point และสนใจมากว่าทำมันอย่างไร โดยเฉพาะตัว pointer ค่ะ ตอนนี้ก็มีครูที่ไปซื้อตามมาแล้ว มีหลายอย่างที่แบ่งปันกับครูในหมวดเรื่องการสอนค่ะ
-ในส่วนของแผนการสอน ครูพี่เลี้ยงกับรองฝ่ายวิชาการจะคอมเม้นและตรวจในทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละสองแผนเพราะสอนสองชั้น ค่อนข้างได้รับการดูแลในระดับดี และโรงเรียนเคร่งครัดกับที่ทางมหาลัยบอก เลยได้สอนกันคนละ 8-9 คาบต่อสัปดาห์ ไม่มีการฝากคาบ และแทบจะไม่มีการใช้ทำงานอย่างอื่นเลยค่ะ (นอกจากขายน้ำทุกวันจันทร์ ซึ่งก็สนุกดี)
- การสอนนักเรียนห้องพิเศษใช้ภาษาอังกฤษ 100% เด็กที่นี่ (สำหรับชั้นป.4ที่หนูสอน) ตอนแรกอาจจะยังงงๆบ้าง พอผ่านมาจนถึงตอนนี้ โอเคมากๆเลยค่ะ เริ่มชินกับ classroom language แล้ว แต่เขาจะยังตอบกลับเป็นภาษาไทยอยู่ กำลังพยายามให้เด็กพูดตอบเป็นภาษาอังกฤษค่ะ ส่วนห้องป.6 ที่เป็นห้องปกติ ค่อนข้าง shock มากกับการพูดภาษาอังกฤษทั้งคาบ 555 แต่หนูประทับใจอย่างนึงคือ เขาพยายามทำความเข้าใจกันมากๆ เวลาพูดภาษาอังกฤษไป เด็กเขาจะพยายามแปล ซึ่งก็แทบจะแปลไม่ถูกเลย 5555 แต่ก็ดีที่เขาไม่ปิดกั้น แล้วเด็กที่นี่ไม่คุ้นเคยกับการเรียนที่มีกิจกรรมหรือเกม บางทีสอนไปทำกิจกรรมไป เด็กไม่รู้ตัวว่าเรียน ถามว่าทำไมเราไม่เรียนสักที เล่นแต่เกม อยู่หน้านี้มาสองสามวันแล้ว 555
มีครั้งนึงที่ สอนป.6แล้วพูดภาษาอังกฤษทั้งคาบ เด็กทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจ หนูเริ่มถอดใจ คิดว่าบางทีภาษาเป็นอุปสรรคหรือเปล่า ถ้าดึงดันจะพูดแต่ภาษาอังกฤษ แล้วถ้าเด็กไม่เข้าใจเลยจะทำยังไง ก็หลุดอธิบายเป็นภาษาไทยไป สอนเป็นภาษาไทยในคาบนั้น ปรากฎว่า คาบต่อมา เด็กรอเราแปลไทยอย่างเดียว ไม่ได้พยายามจะทำความเข้าใจภาษาอังกฤษแล้ว เพราะคิดว่า ยังไงเดี๋ยวครูก็แปลให้ หนูเลยพยายามไม่พูดไทยอีกแล้วค่ะ กลับมาพูดภาษาอังกฤษ แต่พูดช้าลง ใช้ท่าทางเข้าช่วยเวลาอธิบาย ตอนนี้ยังไม่เห็นผลว่าดีขึ้น แต่จะหาทางทำให้มันดีขึ้นค่ะ
โดยรวมๆกำลังพยายามปรับหลายๆอย่าง เพราะชินกับการสอนที่เคยทำแบบพูดๆคนเดียว มาสอนจริงภาษาก็ต้องปรับให้ง่ายขึ้น เวลาที่ใช้สอนแต่ละขั้นก็ต้องยืดออกเพราะเด็กทำไม่ได้ บางทีมีเด็กที่มีทันเพื่อนก็ต้องเข้าไปดู ในขณะที่เด็กคนอื่นที่เหลือก็อยากจะไปต่อแล้ว หนูกำลังลองแก้อยู่ค่ะว่า ทางออกที่เหมาะสมที่สุดของปัญหาควรจะเป็นอย่างไร ถ้ามีอะไรอัพเดทจะมาแชร์อีกค่ะ